วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

นวนิยาย ที่เปลี่ยนชีวิตข้าพเจ้า

         สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ผู้เขียนผู้มีอารมณ์สุนทรีย์ยิ่งก็กลับมาอีกครั้ง ต้องขออภัยด้วยที่กำหนดส่งงานเขียนของผมไม่ค่อยตรงเวลา ก็อย่างที่บอกว่าผมเป็นนักเขียนที่มีอารมณ์ สุนทรีย์ อิอิ (//เเอบโดนคนอ่านหมั่นไส้) เนื่องจากวันนี้ผู้เขียนได้กลับมาค้นหนังสือ ในกรุ เอ้ย ชั้นหนังสืออันเเสนเป็นระเบียบ ของผู้เขียน เพื่อหาหนังสือดีๆมาสร้างเเรงบันดาลใจในหน้าหนาวอันเเสนเกียจคร้านนี้ เลยไปหยิบได้หนังสือมาเล่มหนึ่ง ไม่สิ ชุดหนึ่งมากกว่า หนังสือชุดนี้กล่าวได้ว่า เป็นทั้งเเรงบันดาลใจให้ผู้เขียนเริ่มแต่งนิยายของตัวเอง (แม้จะไม่เคยสำเร็จเป็นรูปเป็นร่าง) และเป็นทั้งหนังสือที่เปี่ยมไปด้วยปรัชญาและวิธีการดำเนินชีวิตมากมาย ที่ไม่ว่าผู้เขียนจะหยิบยกมาอ่านครั้งใดก็มักจะมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ให้ได้ค้นหาอยู่ตลอด และสุดท้ายหนังสือชุดนี้ ยังเป็นเเรงผลักดันให้ผู้เขียนในยามที่เกิดความท้อเเท้เเละเหนื่อยจากการดำเินินชีวิต อันเเสนวุ่นวาย

อ๊าาา เผลอ เเป๊บเดียว ก็เกริ่นมาตั้งเยอะเเล้ว งั้นเรามารู้จักหนังสือเรื่องที่ว่ากันเลยดีกว่าครับ




 เชื่อว่าหากผู้อ่านทุกท่านอยู่ในวัยที่ใกล้เคียงกับผู้เขียน ส่วนใหญ่ก็น่าจะพอคุ้นหน้าคุ้นตากับหนังสือเรื่องนี้ หรือถ้าไม่คุ้นหน้า ก็น่าจะได้ยินชื่อ หัวขโมยแห่งบารามอส มาบ้าง ใช้ครับหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือ นวนิยาย แต่ นวนิยาย เรื่องนี้ที่บางท่านไม่เคยอ่าน และคิดว่าก็คงจะเหมือน นิยายเด็กๆเรื่องอื่นๆที่มีการต่อสู้กัน การทำภารกิจ การเข้าโรงเรียนของเด็ก และอื่นๆที่เห็นได้กับนิยายเรื่องอื่นๆ ใช่ครับหัวขโมยเเห่งบารามอส ก็เหมือนนิยายเรื่องอื่นๆ 

แต่หนังสือนิยายเล่มนี้คือนิยายเรื่องเดียวที่ผู้เขียนขอใช้หัวใจดวงน้อยๆของตัวเองรับประกันว่า นวนิยายเรื่องนี้ได้มอบความหวัง และปรัชญาการดำเนินชีวิตให้กับผู้เขียนมากยิ่งกว่านิยายหรือหนังสือธรรม เรื่องใดๆที่เคยอ่านมา ความลงตัวที่ถูกกลั่นกรองและเเต่งเเต้มจากเจ้าของนามปากกา Rabbit ที่ยังติดตา ตรึงใจไม่ว่าผู้เขียนจะอายุเพิ่มขึ้นเท่าไรและหยิบหนังสือเรื่องนี้มาอ่านครั้งใด ก็ยังคงความซาบซึ้งและสร้างความประทับใจให้ผมไปทุกครั้ง หากจะถามว่าหนังสือเล่มนี้เปลี่ยนชีิวิต ผู้เขียนอย่างไร ก็อยากจะให้ดูว่า ปัจจุบันที่ผู้เขียนเป็นบุคคลเฮฮา เฟรนลี่ เข้าได้กับทุกคนเหมือนทุกวันนี้นั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากเเรงผลักดันจากหนังสือเล่มนี้ จากเด็กชายใส่เเว่นที่นั่งหน้าห้อง สนใจแต่การเรียนไปวันๆ กลับบ้านไปนั่งเล่นเกมส์ ไปสู่เด็กเเว่นที่เป็นที่รักของเพื่อนๆ สามารถเข้าไปพูดคุยได้กับทุกคน จนทุกคนบอกว่าเป็นคนอัธยาศัยดีมากคนหนึ่ง เชื่อหรือไม่ครับว่าการเปลี่ยนเเปลงนี้เกิด จากหนังสือนิยายธรรมดาๆ สี่เล่มนี้ 

     หากผู้อ่านไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรครับ แต่ผู้อ่านที่น่ารักขอให้ยอมสละเวลาสักเล็กน้อยลองไปหาหยิบยืมมาอ่าน หรือถ้าท่านใดคิดสะสมก็รับรองว่าจะไม่เสียใจเเน่นอนครับกับหนังสือชุด หัวขโมยเเห่งบารามอส เเล้วท่านจะตกใจที่พบว่า ทุกบรรทัด ทุกตัวอักษร จะสามารถออกมาโลดเเล่นและสร้างความประทับใจไม่รู้ลืมให้กับท่านได้อย่างไร



ก่อนจากกันนี้ ผู้เขียน ก็อยากยกคำพูดหรือประโยคที่เป็นเครื่องเตือนใจให้กับผู้เขียนทุกครั้งที่ได้อ่าน มาเเบ่งปันกันนะครับ

อันเเรก เป็นประโยคที่ไว้เตือนเราเมื่อเรารู้สึกท้อเเท้หรือผิดหวังกับตัวเอง
"         เค้าก็มีดีของเขา นายก็มีดีของนาย เเทนที่จะเสียเวลามาทุกข์เพราะอิจฉา เอาเวลามาหาข้อดีของตัวเอง แล้วนายจะรู้ว่าไม่จำเป็นต้องไปเทียบกับใคร"

อันที่สอง เรียนรู้จากความผิดพลาด
"  พลาดก็คือพลาด คนเรามันเรียนรู้จากความผิดพลาด คนไม่เคยผิดก็คือคนที่ไม่ทำอะไรเลย คนไม่ทำอะไรเลยก็ไม่มีวันก้าวหน้า "

อันสุดท้ายที่จะขอยกมานะครับ คือเรื่องความเสมอต้นเสมอปลาย
"  ไขมุกเม็ดใหญ่เม็ดเล็กเหมือนกัน แต่ความตั้งใจของคนสิตอนต้นตอนปลายไม่เหมือนกัน เริ่มทำตอนเเรกก็ดูตั้งใจ แต่จะมีสักกี่คนที่เสมอต้นเสมอปลายทำไปเรื่อยๆก็เบื่อ พอเบื่อก็ตั้งใจน้อยลงสุดท้ายก็สักเเต่ว่าทำเท่านั้น"

ถ้าเพื่อนๆอยากรู้ว่าประโยคเหล่านี้เกิดขึ้นในเหตุการณ์ใดเเหละสถานการณ์ไหนในเรื่องก็อย่าลืมไปติดตามอ่านกันนะครับ วันนี้ผู้เขียนก็ขอลาไปก่อนพบกันฉบับหน้าครับ

ขอขอบคุณ
หนังสือชุด หัวขโมยแห่งบารามอส ของคุณ Rabbit
และ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=either&group=8 สำหรับรูป ภาพน่ารักๆของหัวขโมยของเราครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น